เขียน \WINWORD\YEARS\PAPER.DOC แต่ถ้าต้องการอ้างถึงเส้นทางในระบบสารบบแบบสัมพัทธ์ให้เขียนเป็น YEARS\PAPER.DOC
ใบความรู้ที่ 1 เรื่องซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์
หมายถึง
ชุดคำสั่งหรือโปรแกรมที่ใช้สั่งงานให้คอมพิวเตอร์ให้ทำงาน คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ทำงานแตกต่างกันได้มากมายด้วยซอฟต์แวร์ที่แตกต่างกัน ซอฟต์แวร์จึงหมายรวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ทุกประเภทที่ทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้ ซอฟต์แวร์
แบ่งแยกได้เป็นสองประเภท คือซอฟต์แวร์ระบบ กับซอฟต์แวร์ประยุกต์
1.
ซอฟต์แวร์ระบบ (System
software)
ซอฟต์แวร์ระบบ คือซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการกับระบบ
คือดำเนินงานพื้นฐานต่าง ๆ ของระบบคอมพิวเตอร์ เช่น รับข้อมูลจากแผงแป้นอักขระแล้วแปลความหมายให้คอมพิวเตอร์เข้าใจ
นำข้อมูลไปแสดงผลบนจอภาพหรือนำออกไปยังเครื่องพิมพ์ จัดการข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลบนหน่วยความจำรอง
หน้าที่ของซอฟท์แวร์ระบบ
1.ใช้ในการจัดการหน่วยรับเข้าและหน่วยส่งออก
เช่น รับการกดแป้นต่าง ๆ บนแผงแป้นอักขระ ส่งรหัสตัวอักษรออกทางจอภาพหรือเครื่องพิมพ์
ติดต่อกับอุปกรณ์รับเข้า และส่งออกอื่น ๆ เช่น เมาส์ อุปกรณ์สังเคราะห์เสียง
2. ใช้ในการจัดการหน่วยความจำ เพื่อนำข้อมูลจากแผ่นบันทึกมาบรรจุยังหน่วยความจำหลัก
หรือในทำนองกลับกัน คือนำข้อมูลจากหน่วยความจำหลักมาเก็บไว้ในแผ่นบันทึก
3. ใช้เป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้งานกับคอมพิวเตอร์ สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น
เช่น การขอดูรายการสารบบในแผ่นบันทึก การทำสำเนาแฟ้มข้อมูล
ซอฟตแวรระบบแบงออกเปน
3 ชนิด
1.1 ระบบปฏิบัติการ
(Operating System)
1.2 ตัวแปลภาษา ( Language
translators)
1.3 โปรแกรมอรรถประโยชน
( Utility program)
1. ระบบปฏิบัติการ
หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า โอเอส (Operating System: OS) เป็นซอฟต์แวร์ใช้ในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องจะต้องมีซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการนี้ ระบบปฏิบัติการที่นิยมใช้กันมากและเป็นที่รู้จักกันดีเช่นดอส
1.ระบบปฏิบัติการดอส Disk Operating System : (DOS)
2.วินโดวส์ (Windows)
3.แมค (Mac)
4. ยูนิกซ์ (UNIX)
5.ลีนุกซ์(LINUX)
1) ระบบปฏิบัติการดอส
ระบบปฏิบัติการดอส Disk Operating
System : (DOS) เป็นระบบปฏิบัติการศำหรับพีซี
พัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2524 โดย บิล เกตส์ (Bill Gates) และ พอล
อเลน (Paul Allen) มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้เป็นแบบบรรทัดฐานคำสั่งโดยผู้ใช้ต้องป้อนข้อความคำสั่งที่ละ
1 ข้อความ และต้องจดจำรูปแบบของคำสั่งให้ถูกต้อง จึงสามารถทำงานได้ตามต้องการ
2) ระบบปฏิบัติการวินโดวส์
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์
(Windows) เป็นระบบปฏิบัติการของบริษัทไมโครซอฟต์ที่มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิก
ซึ่งประกอบด้วยไอคอนที่เป็นรูปภาพแทนโปรแกรมสั่ง หรือไฟล์ต่าง ๆ
และหน้าต่างแสดงขอบเขตการทำงาน
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์สามารถทำงานได้ทีละหลายงานพร้อมกัน (multitasking) ระบบปฏิบัติการวินโดวส์มีการพัฒนาหลายรุ่น เช่น วินโดวส์เอกซ์พี (Windows
XP) วินโดวส์วิสต้า (Windows Vista) วินโดวส์เซเวน
(Windows 7)
3) ระบบปฏิบัติการแมค
ระบบปฏิบัติการแมค (Mac) เป็นระบบปฏิบัติการของบริษัทแอปเปิ้ล
(Apple lnc.) ถูกพัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ.2527
เป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
และเป็นผู้บุกเบิกส่วนติดต่อผู้ใช้แบบกราฟิก ระบบปฏิบัติการแมคมีการพัฒนาหลายรุ่น เช่น
แมคโอเอสรุ่นที่ 9 (Mac OS 9) แมคโอเอสรุ่นที่ 10 (Mac
OS x)
4) ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ (UNIX) พัฒนาโดยกลุ่มพนักงานห้องปฏิบัติการเบลล์ของ
เอทีแอนด์ที (AT&T’s Bell Laboratories) ในปี พ.ศ. 2512
ยูนิกซ์เป็นระบบปฏิบัติการแรกที่มีความสามารถด้านการประมวลผลแบบหลายงาน (Multitasking)
มีผู้ใช้ได้หลายคนในเวลาเดียวกันที่เรียกว่า ระบบหลายผู้ใช้ (Multiuser)
ในช่วงแรกระบบปฏิบัติการยูนิกซ์นิยมใช้กับคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงเป็นเครือข่ายเพื่อใช้งานร่วมกันหลายเครื่องพร้อมกัน
ในภายหลังระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ได้รับการพัฒนาให้สามารถให้กับเครื่องมินิคอมพิวเตอร์และในปัจจุบันสามารถใช้กับพีซีได้
ระบบปฏิบัติการยูนิกซ์เริ่มต้นจากการมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบบรรทัดฐานคำสั่ง
ในปัจจุบันมีส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิก เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น
5) ระบบปฏิบัติการลินุกซ์
ระบบปฏิบัติการลินุกซ์
(Linux) พัฒนาโดยกลุ่มกะนู
(GNU’s Not UNIX: GNU) ในปี พ.ศ. 2534 โดย ไลนัส ทอวาล์ด (Linus
Torvaids) เป็นระบบปฏิบัติการที่มีพื้นฐานมาจากระบบปฏิบัติการยูนิกซ์และเป็นซอฟต์แวร์แบบรหัสเปิด
(open source software) ซึ่งมีการแจกจ่ายรหัสต้นฉบับ (source
code) ให้ผู้ใช้ที่มีความสนใจช่วยกันพัฒนาเพื่อให้ระบบปฏิบัติการลินุกซ์สามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลินุกซ์ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้พีซีเนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการซื้อซอฟต์แวร์
จึงได้รับความร่วมมือของนักพัฒนาทั่วโลกในการเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบปฏิบัติการลินุกซ์
ระบบปฏิบัติการลินุกซ์สามารถทำงานได้ทั้งกับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบพกพาไปจนถึงซุปเปอร์คอมพิวเตอร์
ระบบปฏิบัติการยังมีอีกมาก
โดยเฉพาะระบบปฏิบัติการที่ใช้ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานร่วมกันเป็นระบบ
เช่น ระบบปฏิบัติการเน็ตแวร์ วินโดว์สเอ็นที
2.
โปรแกรมแปลภาษาคอมพิวเตอร์
การที่มนุษย์จะติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์
เพื่อให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามต้องการได้นั้น จำเป็นต้องมีตัวกลางในการสื่อสาร
ซึ่งเปรียบเสมือนภาษาที่มนุษย์ใช้ในการสื่อสารให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกัน
ตัวกลางที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เรียกว่า ภาษาคอมพิวเตอร์
ภาษาที่คอมพิวเตอร์รู้จักและปฏิบัติงานได้ทันทีเรียกว่า ภาษาเครื่อง
ซึ่งเป็นภาษาที่อยู่ในรูปเลขฐานสอง
เนื่องจากภาษาเครื่องเป็นภาษาที่มีความซับซ้อน
ดังนั้นจึงได้มีการพัฒนาภาษาคอมพิวเตอร์ขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยการใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นรหัสแทนการทำงานและใช้การตั้งชื่อตัวแปรแทนตำแหน่งที่ใช้เก็บจำนวนต่างๆ
ภาษาประเภทนี้จัดเป็นภาษาระดับต่ำ ซึ่งก็คือภาษาแอสเซมบลี
แต่ภาษาระดับต่ำนี้ยังมีความซับซ้อน เนื่องจากยังมีความใกล้เคียงกับภาษาเครื่องมาก
ดังนั้นจึงมีผู้พัฒนาภาษาระดับสูง เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการเขียนโปรแกรม
ซึ่งลักษณะคำสั่งของภาษาระดับสูงจะประกอบด้วยคำต่างๆ ในภาษาอังกฤษ
ที่ใกล้เคียงกับภาษามนุษย์ ผู้อ่านสามารถเข้าใจความหมายได้
ภาษาระดับสูงและระดับต่ำเป็นภาษาที่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเข้าใจได้ทันที
จึงจำเป็นต้องมีโปรแกรมแปลภาษาให้เป็นภาษาที่เครื่องคอมพิวเตอร์เข้าใจได้
ซึ่งแบ่งเป็น 3
ประเภท ดังนี้
1. คอมไพเลอร์ (Compiler) เป็นโปรแกรมแปลภาษาระดับสูง
โดยแปลทั้งโปรแกรมให้เป็นภาษาเครื่องก่อน
แล้วจึงให้คอมพิวเตอร์ทำงานตามภาษาเครื่องนั้น เช่น ตัวแปลภาษาซี ตัวแปลภาษาปาสคาล
2. อินเทอร์พรีเตอร์ (interpreter) เป็นโปรแกรมแปลภาษาระดับสูงโดยแปลทีละคำสั่งแล้วให้คอมพิวเตอร์ทำตามคำสั่งนั้น
เมื่อทำเสร็จแล้วจึงทำการแปลคำสั่งลำดับต่อไป เช่น ตัวแปลภาษาโลโก้
3. แอสเซมเบลอร์ (assembler) เป็นโปรแกรมแปลภาษาแอสเซมบลีให้เป็นภาษาเครื่อง
3.
โปรแกรมอรรถประโยชน์
โปรแกรมอรรถประโยชน์เป็นโปรแกรมที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน
หรือการจัดการคอมพิวเตอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การจัดการไฟล์ การบีบอัดไฟล์
การสำรองไฟล์ การจัดเรียงพื้นที่ดิสก์ การลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น การป้องกันไวรัส
1. โปรแกรมจัดการไฟล์
(file manager)
ใช้จัดการไฟล์และโฟลเดอร์ต่างๆ ตามที่ผู้ใช้ต้องการ เช่น ค้นหา คัดลอก เคลื่อนย้าย
ลบ เปลี่ยนชื่อ ซึ่งการจัดการเหล่านี้สามารถทำได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ตัวอย่างโปรแกรมจัดการไฟล์ เช่น Windows Explorer
2. โปรแกรมบีบอัดไฟล์
(file compression) ช่วยลดขนาดของไฟล์หรือกลุ่มของไฟล์
เพื่อประหยัดพื้นที่จัดเก็บ และสะดวกในการโอนย้ายไฟล์
ก่อนการใช้งานไฟล์ที่ถูกบีบอัดเข้ามาแล้ว
จำเป็นต้องเปลี่ยนคืนสู่สภาพเดิมเหมือนก่อนการบีบอัด จึงสามารถนำไปใช้งานได้
ตัวอย่างโปรแกรมบีบอัดไฟล์ เช่น WinZip, WinRAR
3. โปรแกรมสำรองไฟล์
(backup) ช่วยในการสำเนาไฟล์จากฮาร์ดดิสก์ไปเก็บไว้ในหน่วยเก็บข้อมูลอื่น
ในกรณีที่ฮาร์ดดิสก์หรือข้อมูลเกิดความเสียหาย
ผู้ใช้สามารถกู้คืนข้อมูลจากหน่วยเก็บข้อมูลที่เป็นสำเนานั้นได้
และข้อมูลที่สำรองไว้นั้นควรเก็บรักษาไว้ในที่ที่ปลอดภัย ตัวอย่างโปรแกรมสำรองไฟล์เช่น
Backup
4. โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่ดิสก์
(disk defragmenter) ช่วยจัดเรียงพื้นที่ว่าง
ที่กระจายอยู่ในฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเกิดจากการสร้างและลบไฟล์ที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้เพื่อประสิทธิภาพในการเข้าถึงไฟล์ ซึ่งเดิมส่วนของไฟล์ดังกล่าวอาจเคยกระจัดกระจายอยู่ตามตำแหน่งต่างๆ
ในฮาร์ดดิสก์
โปรแกรมจัดเรียงพื้นที่ดิสก์จะจัดเรียงส่วนของไฟล์เดียวกันให้อยู่ในพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันให้มากที่สุด
ตัวอย่างโปรแกรมจัดเรียงพื้นที่ดิสก์ เช่น Disk defragmenter
5. โปรแกรมลบไฟล์ที่ไม่จำเป็น
(disk cleanup) เป็นโปรแกรมที่ช่วยลบไฟล์หรือข้อมูลที่ไม่จำเป็นออกจากฮาร์ดดิสก์
ตัวอย่างโปรแกรม เช่น Disk Cleanup
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น